
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เมื่อช่วงปลายปี 2013 แอปเปิลได้เปิดตัว iPhone 5s รุ่นใหม่ที่มาพร้อมจุดเด่นชิปประมวลผล Apple A7 ที่เป็นระบบ 64-bit ตัวแรกของโลก มาพร้อมความเร็วกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 40 เท่า ส่วนปีนี้ซัมซุงเองก็ไม่น้อยหน้าส่ง Samsung Galaxy S5 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ เปิดตัวเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา มาพร้อมสเปคที่ทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น ระบบสแกนลายนิ้วมือ, เซ็นเซอร์วัดการเต้นของหัวใจ และกันน้ำกันฝุ่น
และแน่นอนตามธรรมเนียมกระปุกดอทคอมไม่พลาดที่จะนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ มาเปรียบเทียบสเปคให้เห็นกันแบบชัด ๆ โดยครั้งนี้จะเปรียบเทียบระหว่าง Samsung Galaxy S5 กับ iPhone 5s มาเปรียบเทียบพร้อมกับชี้ให้เห็นจุดเด่นและข้อแตกต่างแบบชัดเจน ถ้าพร้อมแล้วมาติดตามกันเลย
ดีไซน์และขนาด, น้ำหนักตัวเครื่อง
เริ่มที่ดีไซน์ของ Samsung Galaxy S5 ต้องบอกว่าดีไซน์มือถือของซัมซุงจะออกแนว ๆ เดียวกันหมด Galaxy S5 ก็เช่นกันมีการเปลี่ยนดีไซน์ไปจาก Galaxy S4 เพียงเล็กน้อย แต่เพิ่มลูกเล่นเข้ามาด้วยฝาด้านหลังตัวเครื่องใช้เป็นหนังเทียม (Faux leather) แบบเดียว Galaxy Note 3 และเพิ่มลวดลายตารางเป็นจุด เพิ่มสีตัวเครื่องใหม่อย่างสีทองแดง ช่วยเพิ่มความหรูหรามากขึ้น ส่วนตัวเครื่องมีขนาด 142.0 x 72.5 x 8.1 มม. และน้ำหนัก 145 กรัม
ส่วนทางด้าน iPhone 5s ยังคงมีดีไซน์เหมือนกับ iPhone 5 ทั้งขนาดและน้ำหนักเท่าเดิม (ขนาด 123.8 x 58.6 x 7.6 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 112 กรัม) รวมถึงวัสดุที่ใช้เป็นอะลูมิเนียมและกระจกเหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือสีของตัวเครื่อง ได้แก่ สีทอง, สีเงิน-ขาว, สีเทา-ดำ
ในข้อนี้หากชอบสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์ตัวเครื่องด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม รวมถึงขนาดที่พอดีมือและน้ำหนักเบาก็คงต้องเลือก iPhone 5s แต่ถ้าชอบหน้าจอใหญ่และขนาดเครื่องที่ใหญ่ขึ้นคงต้องเลือก Galaxy S5
หน้าจอและการแสดงผล
หน้าจอของ Galaxy S5 เพิ่มขนาดขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ที่ 5.1 นิ้ว หน้าจอแบบ Super AMOLED Full HD ความละเอียด 1,920 x 1,080 พิกเซล และมีความหนาแน่นของพิกเซล 432PPI และฟีเจอร์ปรับแสงสว่างเมื่อใช้งานกลางแดดจ้า และปรับแสงให้น้อยลงเมื่อใช้งานในที่มืด หากใครเคยใช้สมาร์ทโฟนของซัมซุงที่ใช้หน้าจอ Super AMOLED คงจะทราบกันดีถึงความสดของสีสันและดูละเอียดคมชัด
ส่วนทางด้าน iPhone 5s มีหน้าจอขนาดเท่ากับ iPhone 5 ที่ขนาด 4 นิ้ว ใช้เทคโนโลยี In-cell touch ความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล อัตราส่วน (16:9) มีความหนาแน่นพิกเซลที่ 326PPI ในข้อนี้เรื่องความละเอียดหน้าจอและเรื่องขนาดสำหรับคนชอบหน้าจอใหญ่ต้องยกให้หน้าจอ Full HD Super AMOLED ของ Galaxy S5 มีชัยเหนือ Retina Display ของแอปเปิล แต่ก็ต้องรอดูว่าการใช้งานจริง และการแสดงผลจะละเอียดดีกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ หรือไม่

Samsung Galaxy S5
ด้านสเปคและคุณสมบัติอื่น ๆ
สำหรับ Galaxy S5 ด้านสเปคเรียกได้ว่าจัดเต็มเหมือนเดิม มาพร้อมซีพียู Snapdragon 801 แบบ Quad-Core ความเร็ว 2.5GHz, แรม 2GB, หน่วยความจำภายใน 16GB/32GB และสามารถเพิ่ม microSD ได้สูงสุด 128GB, รองรับ LTE cat4 และ Wi-Fi MIMO (802.11ac) พร้อมฟีเจอร์ Download Booster ที่ใช้ Wi-Fi กับ LTE ช่วยในการดาวน์โหลดไฟล์พร้อมกัน
นอกจากนี้ Galaxy S5 ยังมาพร้อมกล้องถ่ายภาพความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ปรับปรุงใหม่ช่วยให้การโฟกัสภาพ (Fast AF) ใช้เวลาแค่ 0.3 วินาที รวมถึงระบบ Selective Focus ที่ใช้ปรับจุดโฟกัสของภาพให้เบลอหน้าเบลอหลังได้ และด้านล่างของกล้องยังมีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Monitor) อีกด้วย และรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 4K ตัวเครื่องใช้แบตเตอรี่ความจุ 2800mAh (คลิกดูสเปคแบบเต็ม ๆ ของ Galaxy S5)
ส่วนฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์ของ Galaxy S5 ก็คือระบบสแกนลายนิ้วมือ (Finger scanner) ตรงปุ่มโฮมใช้นิ้วลากผ่านปุ่มโฮม และ Galaxy S5 ยังสามารถกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 กันน้ำ 1 เมตรได้ประมาณ 30 นาที แต่ในการใช้งานจริงคงไม่มีใครเอามือถือไปแช่น้ำหรอกจริงไหมครับ
ส่วนสเปคของ iPhone 5s ถือว่าโดดเด่นและพิเศษกว่า iPhone รุ่นอื่น ๆ เพราะใช้ชิป Apple A7 ที่เป็นระบบ 64-bit ตัวแรกของโลก ที่มีความเร็วกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 40 เท่า ด้านระบบกราฟิกเร็วขึ้นมากถึง 56 เท่า, และชิปประมวล Apple M7 motion ที่ใช้ควบคุมเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ของตัวเครื่อง, แรม 1GB กล้องถ่ายภาพ 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิม ชุดเลนส์ใหม่ที่แอปเปิลออกแบบเอง 5 ชิ้น รูรับแสงกว้างสุด f/2.2 พร้อมแฟลชคู่ Dual LED แบบ True Tone Flash ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยดีกว่าเดิม รวมถึงรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion 120 เฟรมต่อวินาที ความละเอียด 720p ส่วนแบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม 10% รองรับ Standby ได้ 250 ชั่วโมง (เดิม 225 ชั่วโมง) ใช้งานผ่าน 3G/LTE ได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง
ไฮไลท์เด็ดของ iPhone 5s ก็คือระบบสแกนลายนิ้วมือที่แอปเปิลเรียกว่า "Touch ID Sensor" ใช้สำหรับปลดล็อกเครื่องและซื้อแอพพลิเคชั่น, เพลง, หนัง ผ่าน App Store และ iTunes Store ได้ (คลิกดูสเปคแบบเต็ม ๆ ของ iPhone 5s)

iPhone 5s
ด้านซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ
Galaxy S5 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 KitKat ครอบทับด้วย TouchWiz ที่เป็นอินเตอร์เฟซหลักของสมาร์ทโฟนซัมซุง แต่อินเตอร์เฟซใหม่บน Galaxy S5 ถูกปรับปรุงให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก ซึ่งซัมซุงเรียกอินเตอร์เฟซแบบใหม่นี้ว่า Vibrant UX แต่พื้นฐานก็ยังคงไม่ต่างจาก TouchWiz สำหรับฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่น ๆ ของ Galaxy S5 ในแง่ที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานก็คือ Ultra Saving Mode เมื่อใช้งานสมาร์ทโฟนแบตเตอรี่เหลือเพียงแค่ 10% ระบบจะทำการตัดทุกอย่างบนสมาร์ทโฟนโดยจะเหลือการใช้งานไว้เพียงแค่ โทรเข้า-โทรออก, ส่งข้อความ ทำให้ตัวเครื่องสามารถสแตนด์บายได้อีก 24 ชั่วโมง เรียกง่าย ๆ ว่าแปลงร่างจากสมาร์ทโฟนเป็นฟีเจอร์โฟนนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีโหมดอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น Private Mode สำหรับซ่อนไฟล์ข้อมูลสำคัญ ๆ โดยจะต้องเข้าดูผ่านการสแกนนิ้วเท่านั้น, Kids Mode โหมดสำหรับเด็ก และแอพฯ S Health 3.0 ปรับปรุงใหม่เจาะไปกลุ่มผู้ออกกำลังกายมากขึ้นใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่าง Samsung Gear Fit
ส่วนทางด้าน iPhone 5s มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 7 ที่เปลี่ยนรูปโฉมพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น Air Drop, ฟิลเตอร์แต่งภาพ, Control Center, ระบบ Multitasking แบบใหม่ รวมถึงซอฟต์แวร์ฟรีชุด iWork และ iLife พร้อมแอพพลิเคชั่นมีให้เลือกใช้งานมากมายกว่า 1 ล้านแอพฯ รวมถึงระบบ Ecosystem ที่แข็งแกร่งของแอปเปิล เช่น App Store, iTunes, iTunes Radio และ iCloud เป็นต้น

Samsung Galaxy S5
ราคา iPhone 5s และ Galaxy S5



หมายเหตุ : อ้างอิงราคาจาก Apple Store Online

สรุปเลือกอะไรดี iPhone 5s หรือ Galaxy S5 ?
มาถึงตอนนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะได้เห็นจุดเด่นและข้อแตกต่างระหว่างสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้ไปแล้ว หากคุณเป็นแฟนซัมซุงอยู่แล้วและกำลังใช้ Galaxy S รุ่นอื่น ๆ มาก่อนแล้วเชื่อว่าคงไม่ลังเลที่อัพเกรดเป็น Galaxy S5 เพื่อสัมผัสกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ซัมซุงตั้งใจทำออกมาเน้นประโยชน์ให้กับผู้ใช้งานโดยเฉพาะ และสนุกกับการปรับแต่งเครื่องด้วยแอพฯ มากมาย ส่วนเรื่องสเปคคงไม่ต้องพูดถึงมากเพราะซัมซุงจัดเต็มทุกครั้ง
แต่ถ้าหากต้องการความง่ายในการใช้งาน ชอบวัสดุที่มีความหรูหรา สินค้าพรีเมี่ยมตามสไตล์แอปเปิล รวมถึงระบบ Ecosystem ที่หลากหลายและมีความน่าเชื่อถือในเรื่องของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ iPhone 5s ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับคนชอบแนวทางนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกใช้งานสมาร์ทโฟนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ชอบแบบไหน ก็เลือกแบบนั้นนะจ๊ะ